หนี้นอกระบบวันที่ 2 คนยังแห่ลงทะเบียน พบบางคนจ่ายวันละ 2.6 หมื่นบาท
ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ข้อมูลเมื่อวานนี้ (2 ธันวาคม 2566 )เวลา 16.00 น. มีผู้ลงทะเบียนรวมทั้งสิ้น จำนวน 37,579 ราย ขณะเดียวกันที่ จ.เชียงใหม่ พบลูกหนี้ต้องจ่ายหนี้นอกระบบวันละ 26,000 บาท ทุกวันนี้ต้องนอนผวาเพราะว่าหาเงินมาใช้หนี้ไม่ทันโดยหลังเปิดลงทะเบียนตามมาตรการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ตามนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา
วันแรก ลงทะเบียนหนี้นอกระบบแล้ว 22,090 ราย มูลหนี้กว่า 935 ล้านบาท
สาวเครียด จ่ายดอกเบี้ยวันละกว่า 7,000 บาท ติด"หนี้นอกระบบ" 14 เจ้า
แนวทางช่วยเหลือที่ยังไม่ชัดเจนทำให้ลูกหนี้ยังกังวลใจ ขณะที่ลูกหนี้บางรายพยายามเจรจากับเจ้าหนี้ด้วยตัวเองเพื่อขอพักจ่ายหนี้ชั่วคราว
นายบอย ลูกหนี้นอกระบบในจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตัวเองทำธุรกิจที่ต้องใช้เงินหมุนเวียนค่อนข้างมาก เมื่อประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขาดสภาพคล่องและไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ จึงตัดสินใจกู้ยืมเงินก้อนแรก 20,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อ 24 วัน โดยจะต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าหนี้เป็นรายวัน วันละ 1,000 บาท
ช่วงสองเดือนแรกแรกหมุนเงินมาจ่ายได้ตามปกติ แต่ช่วงหลังก็ต้องการเงินลงทุนทำธุรกิจมากขึ้น รวมทั้งต้องรอเบิกเงินจากคู่ค้า ทำให้ต้องไปยืมเพิ่ม จนทุกวันนี้มีเจ้าหนี้ 26 ราย เงินต้นประมาณ 4 แสนบาท ไม่นับดอกเบี้ย ทุกวันนี้ต้องจ่ายเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยวันละ 26,000 บาท ช่วงแรกจ่ายได้ปกติ แต่ภายหลังงานกระทบเบิกเงินไม่ได้ ทำให้ไม่มีเงินจ่ายหนี้
ต้องตระเวนไปยืมเงินเพื่อนฝูง คนรู้จักและนำรถไปจำนำ เงินติดตัวแทบไม่มี บางวันไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน พอไม่จ่ายรายวันก็ถูกกดดันหนัก จนหวาดผวากลัวไม่ปลอดภัย สุดท้ายก็ต้องไปกู้หนี้มาเพิ่มอีก จนกลายเป็นดินพอกหางหมูทุกวันนี้
นายบอย บอกว่า มาตรการที่ออกมาทำให้มีความหวัง แต่จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะความปลอดภัยที่ไม่ชัดเจนว่าใครจะช่วยได้ อยากให้ตำรวจเป็นตัวกลางมาช่วยเจรจาหาทางออกและการันตีเรื่องความปลอดภัยของลูกหนี้
ยืนยันไม่มีเจตนาเบี้ยวหนี้แต่อยากขอให้ปรับโครงสร้างหนี้ ยืดระยะเวลาให้พอได้หายใจบ้าง โดยหลังจากลงทะเบียนไปแล้วได้เจรจากับเจ้าหนี้ หลายรายเริ่มผ่อนคลายจากการนำเสนอข่าวของสื่อ บางรายยอมให้พักหนี้ห้าวันสิบวัน แต่ก็มีบางรายที่ไม่ยอม
ขณะที่คุณป้าอีกอีกคน บอกว่า เดิมไม่เคยกู้นอกระบบมาก่อน แต่ภายหลังธุรกิจมีปัญหาและไม่สามารรถกู้เงินจากธนาคารมาได้ จึงตัดสินใจกู้เงินนอกระบบ 3 เดือนแรกก็จ่ายได้ แต่ช่วงหลังเงินขาดมือ ทำให้ต้องไปยืมมาเพิ่มอีกเรื่อย ๆ กลายเป็นดินพอกหางหมู จนวันนี้มีเจ้าหนี้กว่า 20 ราย เงินต้นเหลือประมาณ 3 แสนบาท ทุกวันนี้ต้องจ่ายเงินต้นพร้อมกับดอกเบี้ยวันละประมาณ 2 หมื่นบาท ช่วงเดือนที่ผ่านมานอนแทบไม่หลับ ต้องผวาตื่นแทบทุกชั่วโมงมานั่งคิดว่าพรุ่งนี้จะหาเงินที่ไหนมาจ่าย
คุณป้าท่านนี้ บอกอีกว่า อยากให้รัฐบาลจัดหาแหล่งเงินกู้และแก้กฏหมายเครดิตบูโร โดยเฉพาะคนที่ลงทะเบียนขอแก้หนี้ เพราะที่ผ่านมาหลายคนติดบูโร ทำให้เข้าไม่ถึงเงินกู้ของสถาบันการเงิน เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ต้องหันไปใช้บริการเงินกู้ดอกโหด เพราะหมดหนทาง หากแก้ตรงนี้ได้ก็อยากกู้ธนาคารมาปิดหนี้นอกระบบให้หมด เพราะเชื่อว่าเป็นหนี้ในระบบยังดีกว่า โดยหวังว่าในวันที่ 8 ธันวาคม นี้จะมีข่าวดีให้กับกลุ่มลูกหนี้นอกระบบทั่วประเทศ
คุณป้า ย้ำว่า ไม่ได้อยากเป็นหนี้นอกระบบ แต่มันจำเป็นเพราะหายืมหากู้ที่ไหนไม่ได้ และบอกว่ากลุ่มเงินกู้อาจไม่ได้ผิดอะไร แต่ผิดที่เราไปรับเงื่อนไขของเขาเอง
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยยอดจำนวนประชาชนที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2566 เวลา 16.00 น. มีผู้ลงทะเบียนรวมทั้งสิ้น จำนวน 37,579 ราย แบ่งเป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 36,338 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 1,241 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 19,061 ราย มูลหนี้ 1,528.555 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ จังหวัด 5 ลำดับแรก คือ 1. กรุงเทพมหานคร มีผู้ลงทะเบียน 2,496 ราย เจ้าหนี้ 1,493 ราย มูลหนี้ 131.889 ล้านบาท 2คำพูดจาก สล็อตวอเลท. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน 1,610 ราย เจ้าหนี้ 794 ราย มูลหนี้ 72.36 ล้านบาท 3. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 1,489 ราย เจ้าหนี้ 826 ราย มูลหนี้ 49.758 ล้านบาท 4. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 1,441 ราย เจ้าหนี้ 638 ราย มูลหนี้ 61.876 ล้านบาท 5. จังหวัดสมุทรปราการ มีผู้ลงทะเบียน 965 ราย เจ้าหนี้ 485 ราย มูลหนี้ 38.528 ล้านบาท โดยปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า ข้อมูลที่ท่านได้ลงทะเบียนจะถูกรักษาไว้เป็นความลับ และจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเฝ้าระวังสอดส่องบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นผู้กระทำความผิด เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย // โดยขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนแจ้งข้อมูลที่เป็นจริง เพื่อเป็นสารตั้งต้นในการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องและเป็นธรรมอย่างตรงจุดต่อไป.