ระเบิดเขื่อนยูเครน ยอดเสียชีวิตเพิ่ม 45 ราย ท้องถิ่นสั่งปิดชายหาด
เจ้าหน้าที่ยูเครนรายงานว่าผู้เสียชีวิตจากเหตุเขื่อนโนวา คาคอฟคา แตกจากการถูกวางระเบิดเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้พบผู้เสียชีวิต 16 คนในพื้นที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน ส่วนพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย เจ้าหน้าที่ที่ถูกแต่งตั้งโดยรัฐบาลรัสเซียรายงานว่าพบผู้เสียชีวิต 29 คน
ความคืบหน้าในการตรวจสอบเหตุการณ์นี้ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ช่วยเจ้าหน้าที่อัยการยูเครนสืบสวน ระบุว่า
เมือวันศุกร์ว่าผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสาเหตุที่เขื่อนแตกน่าจะเป็นเพราะการวางระเบิดของฝ่ายรัสเซีย
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้ระดับน้ำเริ่มลดแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยูเครนพบว่าเศษซากสิ่งของต่างๆ และ ซากสัตว์ ได้ไหลตามกระแสน้ำในแม่น้ำดนีโปรลอยเข้ามาเกยตื้นตามแนวริมชายหาดเป็นจำนวนมาก
เทศบาลเมืองโอเดสา ได้ประกาศให้ทะเลในพื้นที่ไม่เหมาะกับการลงน้ำ เนื่องจากคุณภาพน้ำที่เลวร้ายลงเป็นอย่างมากและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน
ส่วนความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบ เมื่อวานนี้ กระทรวงกลาโหมอังกฤษได้เผยแพร่รายงานข่าวกรองฉบับล่าสุดที่ระบุว่า ทั้งรัสเซียและยูเครนยังคงเดินหน้าต่อสู้อย่างหนักต่อไป ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างประสบภาวะความสูญเสียอย่างหนัก
โดยกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ระบุว่าทหารยูเครนพยายามขับไล่กองกำลังรัสเซียออกจากพื้นที่ของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายรัสเซียนั้นน่าจะประสบปัญหาในการรบหนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่การถูกโจมตีกลับในสมรภูมิบัคมุตเมื่อเดือนมีนาคม
“เขื่อนแตก” ในภูมิภาคเคอร์ซอน ยูเครนอ้างเป็นฝีมือรัสเซียวางระเบิด คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
แคว้นเคอร์ซอนจมบาดาล คนและสัตว์เดือดร้อนหนัก
รายงานของกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ระบุด้วยว่า พื้นที่ที่การรบอยู่ในขั้นดุเดือดที่สุดในเวลานี้อยู่ที่ภูมิภาคซาโปริสเซียทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน รวมทั้งรอบ ๆ เมืองบัคมุตและทางฝั่งตะวันตกของภูมิภาคโดเนตสก์ด้วย อย่างไรก็ตาม กองกำลังยูเครนรุกคืบไปข้างหน้าได้เพียงเล็กน้อย แต่ฝ่ายรัสเซียเน้นไปที่ปฏิบัติการตั้งรับที่มีประสิทธิภาพ อยู่ในพื้นที่ตอนใต้ของยูเครน ขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนเปิดเผยรายงานสถานการณ์สู้รบในช่วงเช้าเมื่อวานนี้ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น รัสเซียดำเนินการโจมตีทางอากาศใส่ยูเครนทั้งหมด 43 ครั้ง และยิงขีปนาวุธ 4 ลูก รวมทั้งยิงจรวดหลายลำกล้องเข้าใส่ถึง 51 ครั้งด้วย ขณะที่นาย เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เตือนว่า ความพยายามดำเนินการเจรจาสันติระหว่างยูเครนและรัสเซียนั้นจะต้องเป็นธรรม” เพื่อให้กระบวนการนี้เดินหน้าอย่างยั่งยืน พร้อมระบุว่า “สันติภาพไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการยอมรับข้อตกลงที่จัดทำโดยรัสเซีย โดยความเห็นของนาย สโตเทนเบิร์กเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับที่ ผู้นำและตัวแทนจาก 7 ประเทศในแอฟริการ่วมคณะผู้แทนการเจรจาสันติภาพและเดินทางเยือนทั้งยูเครนและรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อผลักดันให้มีการเจรจายุติสงครามที่เดินหน้ามากว่า 15 เดือนนี้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะทั้งประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินต่างปฏิเสธข้อเสนอแผนดังกล่าว